วันพุธ, กันยายน 24, 2551

โผสุดท้าย “ครม.สมชาย” - “พ่อใหญ่จิ๋ว” รองนายกฯ “เหลิม” คุมหมอ




รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ล่าสุดการจัดทำรายชื่อคณะรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ ได้ลงตัวทุกตำแหน่งแล้ว เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีรายชื่อคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ดังนี้


นายกรัฐมนตรี
- นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

รองนายกรัฐมนตรี
- พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
- นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์
- นายโอฬาร ไชยประวัติ
- พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
- นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ
- นายสุพล ฟองงาม

กระทรวงกลาโหม
- นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงมหาดไทย
- พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการ
- นายประสงค์ โฆษิตานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ
- นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีช่วยว่าการ

กระทรวงการคลัง
- นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช รัฐมนตรีว่าการ
- ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการ
- นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ

กระทรวงพาณิชย์
- นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการ
- นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ -
- พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ


กระทรวงคมนาคม
- นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการ
- นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีช่วยว่าการ
- นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการ
- นายสมพัฒน์ แก้ววิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการ
- นายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการ

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- นายมั่น พันธโนทัย รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- นายอุดมเดช รัตนเสถียร รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงการต่างประเทศ
- นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวยุติธรรม
- นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงสาธารณสุข
- ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการ
- นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงศึกษาธิการ
- นายศรีเมือง เจริญศิริ รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงพลังงาน
- นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงแรงงาน
- นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงวัฒนธรรม
- นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงอุตสาหกรรม
- พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการ

แหล่งที่มา

http://www.manager.co.th/Politics

จัดทำโดย FastNews

วันพฤหัสบดี, กันยายน 18, 2551

นายกคนที่ 26 ของไทย!!!!


วันนี้ เวลา 17.29 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายร่างประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อทรงพิจารณาลงพระปรมาภิไธย และรับพระราชทานประกาศพระบรมราชโองการ เพื่ออัญเชิญไปดำเนินการต่อไป

ในโอกาสนี้ นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา และรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงแรงงาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วน สังกัดพรรคพลังประชาชน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญนิติบัญญัติ มีมติเห็นชอบให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2551

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 222/92 หมู่บ้านเบเวอร์รี่ฮิลล์ ย่านแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้มีการเตรียมความพร้อมรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 26 โดยมีเจ้าหน้าที่จากกองพิธีการ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เดินทางมาจัดเตรียมพื้นที่และโต๊ะพิธีการรับพระบรมราชโองการ

ส่วนบริเวณภายนอกมีการตั้งโต๊ะ เก้าอี้ไว้รอรับแขกที่จะมาร่วมแสดงความยินดีในช่วงเย็น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ทุ่งสองห้อง เตรียมกำลังรักษาความปลอดภัย

ขณะที่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาตรวจความเรียบร้อย และการรักษาความปลอดภัยด้วยตัวเอง และกองกำลังเจ้าหน้าที่ทุ่งสองห้อง รวมแล้วกว่าร้อยนาย โดยจะใช้สโมสรของหมู่บ้านเป็นกองบัญชาการเจ้าหน้าที่ที่ตำรวจมาดูแลความเรียบร้อย และหลังจากนี้ จะมีการสลับสับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาความปลอดภัย ขณะที่นายสมชายได้แจ้งกับทางตำรวจว่า ไม่อยากให้มีการจัดกองกำลังตำรวจมารักษาความปลอดภัยมากนักรวมทั้งทหารจาก ร.1 พ.2 รอ.รักษพระองค์ จำนวนหนึ่งมาปรับภูมิทัศน์บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งหมู่บ้านเบเวอร์รี่ฮิลล์ เป็นหมู่บ้านของตระกูลวงศ์สวัสดิ์

เมื่อเวลา 13.15 น. นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เดินกลับถึงบ้านพัก โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวที่ว่าหลังจากนี้จะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีก โดยกล่าวแต่เพียงว่า ขอทำงานเป็นแม่บ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 14.15 น.นายเฉลิม วงศ์สวัสดิ์ พี่ชายของนายสมชาย และนางสุทธิลักษณ์ ศรสำราญ น้องสาวของนายสมชาย ได้นำภาพถ่ายในอดีตที่ถ่ายร่วมกับครอบครัวมาให้สื่อมวลชนได้ชม โดยนายเฉลิมได้เปิดเผยว่า นายสมชายชอบทานอาหารใต้ โดยเฉพาะคั่วกลิ้งหมูสับ แกงเหลือง และแกงไตปลา ทางครอบครัวจึงได้สั่งอาหารใต้จากกระทรวงยุติธรรม ที่นายสมชายได้รับประทานเป็นประจำสมัยที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม มาต้อนรับแขกและผู้สื่อข่าวได้รับประทาน

ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น.นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังที่ทำการพรรคพลังประชาชน เพื่อเข้าพบนายสมชาย เพื่ออธิบายขั้นตอนในการรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งฯโดยนายสุรชัย ได้ปฎิเสธว่า ไม่ได้มารับรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ไปตรวจสอบคุณสมบัติ

จากนั้นในเวลา 16.30 น.นายสมชาย ได้เดินทางกลับเข้าบ้าน และเมื่อถามว่า ตื่นเต้นไหม นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ตื่นเต้น มีแต่ความเหนื่อย ซึ่งก็เหนื่อนอย่างมีความสุข ปิติยินดี ที่ไม่เหนื่อยเพราะไม่มีใครทำให้มีความทุกข์



แหล่งที่มา http://www.manager.co.th
ผู้จัดทำ FastNews

วันจันทร์, กันยายน 15, 2551

ตร.สรุปคดี จักรภพ หมิ่นสถาบัน


ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามในความเห็นสั่งฟ้อง “จักรภพ เพ็ญแข” หมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้ว รอให้ทาง บช.ก.นัดหมายกับเจ้าตัว ส่งให้อัยการ ระบุหมดหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแล้ว วันนี้ (15 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก. ในฐานะรองโฆษก ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ต่อนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้ลงนามมีความเห็นสั่งฟ้องตามที่คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.เป็นประธาน โดยขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อทำการนัดหมายกับนายจักรภพ เพ็ญแข เพื่อประสานงานเรื่องการนัดวันและเวลา ในการส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาไปให้กับอัยการต่อไป “เมื่อสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการของอัยการแล้ว ก็ถือได้ว่าภาระหน้าที่ของพนักงานสอบสวนก็เป็นการเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกไม่นาน” พล.ต.ต.สุรพลกล่าว ทั้งนี้ นายจักรภพ เพ็ญแข ถูก พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.บางมด ช่วยราชการ สน.พหลโยธิน แจ้งความจับเมื่อวันที่ 24 มี.ค. โดย พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์เข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล พนักงานสอบสวน (สบ.2) กลุ่มงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีที่ นายจักรภพแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (เอฟทีทีซี) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง มีการกล่าวถึงระบบราชาธิปไตยเปรียบเทียบกับประชาธิปไตยระบบอุปถัมภ์กับสังคมไทย โดยนำแผ่นดีวีดีบันทึกการแถลงข่าวพร้อมกับเอกสารคำแปลภาษาจากอังกฤษเป็นภาษาไทยตามเนื้อหาในแผ่นดีวีดีดังกล่าวมอบให้แก่พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นมีผู้เชี่ยวชาญภาษาหลายฝ่ายได้แปล


แหล่งที่มา ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดทำ FastNews

วันอาทิตย์, กันยายน 14, 2551

ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผลวันนี้ สมชาย วอนยุติความขัดแย้ง




ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 11.15 น. วันนี้ (14 กันยายน) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงยกเลิกประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 2 กันยายนแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ นายสมชาย กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันนี้สถานการณ์ความรุนแรงได้บรรเทาลงแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป พร้อมกันนี้นายสมชายยังได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อยุติความรุนแรงความขัดแย้ง เราไม่มีเวลาที่จะขัดแย้งกันอีกแล้ว เพราะว่าขณะนี้ปัญหาของชาติมีอยู่อย่างมากมาย ที่ทุกฝ่ายควรร่วมกันแก้ไข ส่วนผู้ชุมนุมจะชุมนุมก็ได้แต่น่าจะเป็นพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาล

นายสมชาย กล่าวอีกว่า เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ จะมีกองอำนวยการเพื่อติดตามสถานการณ์ร่วม มีทุกฝ่ายเข้ามาร่วมทำงาน เป็นหน่วยงานเฉพาะให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม. มีผบ.ทบ. เป็นผู้อำนวยการ ประสานงานกับตำรวจ และเจ้าหน้าที่พลเรือน ส่วนผบ.ตร. เป็นผู้ดูแลสถานการณ์ตามปกติ

"สถานการณ์ในวันนี้ไม่ได้มีความรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายดำเนินกิจกรรมใดๆ ก็ตามอยู่ในกรอบของกฎหมาย วันนี้เราไม่ควรมาแตกแยกกันอีก การรบราฆ่าฟัน ไม่มีประโยชน์กับผู้ใดทั้งสิ้น" รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายสมชาย กล่าวต่อว่า จากนี้ไปขอให้มุ่งเดินทางไปสู่ความสงบสุขเรียบร้อย ปรองดองสมานฉันท์ ตนต้องขอขอบคุณ ผบ.ทบ ผบ.ตร ที่ดูแลพี่น้องประชาชน ดับความร้อนแรงลงไปได้ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ร่วมทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย รวมทั้งผู้ชุมนุมฯ อยากให้ช่วยแก้ไขปัญหา อย่าเอาชนะโดยไม่ใช้เหตุผล

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

จัดทำโดย:Fastnews

วันพุธ, กันยายน 10, 2551

พลังคนรุ่นใหม่ปลุกเวทีมัฆวานฯ กลับมาคึกคัก หาก พปช. จะให้ท่านหมักกลับมาอีกครั้ง
















ประมวลภาพบรรยากาศบริเวณชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ถนนราชดำเนินนอก เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อบริเวณนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมของกลุ่มเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติหรือ Young PAD เพื่อแสดงพลังนักศึกษาประกาศจุดยืนร่วมขับไล่รัฐบาลทรราช

นายวสันต์ วานิชย์ ผู้ประสานงานยังก์แพด (Young PAD) กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี ทางเครือข่ายจะให้สมาชิกกลับไปเรียนตามปกติ อย่างไรก็ตาม หากพรรคพลังประชาชนสนับสนุนให้นายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีก หรือให้คนในระบอบทักษิณ มาเป็นนายกฯ ทางเครือข่ายฯ ก็เตรียมพร้อมที่จะระดมพลกลับมาขับไล่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ตลอดเวลา และอาจมีมาตรการตอบโต้ขั้นต่อไป ส่วนกิจกรรมที่จะดาวกระจายไปสถานที่ต่างๆ จะระงับไว้ก่อน แต่กิจกรรมที่เวทีสะพานมัฆวานฯ ที่มีการเสวนาทางวิชาการก็ยังคงดำเนินการต่อไป
“มาตรการหยุดเรียน 3 วัน เราต้องเลื่อนออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เสียการเรียน แต่ยืนยันที่จะมีการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ ต่อไป เพราะเป็นจุดศูนย์รวมของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา จนกว่าเราจะได้การเมืองใหม่”นายวสันต์กล่าว



จัดทำโดย FastNews

แหล่งที่มา http://news.thaihealth.net
http://www.manager.co.th

วันอังคาร, กันยายน 09, 2551

“หมัก” บรรลัย! ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ชี้พ้นสภาพผู้นำ


มติศาล รธน เอกฉันท์ 9 เสียงเชือด “หมัก”พ้นเก้าอี้นายก-รมว.กห.ระบุ “รับจ้าง”เป็นพิธีกรชิมไปบ่นไป เข้าข่ายเป็น “ลูกจ้าง” แถมยังมีพฤติการณ์เสมือนเป็นหุ้นส่วนบริษัทที่ได้รับประโยชน์ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ขณะเดียวกันยังส่อพิรุธทำหลักฐานย้อนหลังหวังตบตาให้พ้นความผิด จึงให้พ้นจากตำแหน่ง พร้อมชี้ ครม.ยังสามารถรักษาการต่อไปจนกว่าจะชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่

คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยในคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดการเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อันเนื่องจากเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยง 6 โมงเช้า”

ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 บัญญัติห้ามนายกฯและรัฐมนตรีเป็นลูกจ้างของบุคคลใด เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ และรัฐมนตรี เป็นไปโดยชอบ ป้องกันมิให้เกิดการกระทำที่เกิดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อันจะก่อให้เกิดสถานะ การขาดจริยธรรมซึ่งยากในการตัดสินใจ ทำให้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์สาธารณะ เมื่อผู้ดำรงตำแหน่ง คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์สาธารณะ ฐานขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่จึงขัดกันในลักษณะที่ประโยชน์ส่วนตัว จะได้มาจากการเสียไปซึ่งประโยชน์สาธารณะ

แต่ในขณะที่นายกของเราดำรงตำแหน่งอยู่นั้น ก็ยังรับค่าตอบแทนจาก บริษัทเฟซ มีเดีย จำกัดอยู่ ดังนั้นจึงเป็นการรับจ้างการทำงานตามความหมายแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 267 แล้ว เป็นการกระทำอันต้องห้ามความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร จึงสิ้นสุดลง

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว จึงเป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ แต่ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นการสิ้นสุดลง ทำให้รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีที่เหลือ จึงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่

หลังจากนั้น ตัวแทนนักศึกษาได้ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยว่า ถ้า ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังลงมติเลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ทางกลุ่มนิสิตนักศึกษาก็จะยังปักหลักชุมนุมขับไล่อยู่ที่นี่ต่อไป หลังจากนั้นได้มีมีการเปิดวีดีโอเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก

ด้านพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทางพรรคพลังประชาชนจะสนับสนุนให้นายสมัคร มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เว้นแต่นายสมัครจะถอดใจ ไม่ยอมรับตำแหน่งเอง อย่างไรก็ตามทางพรรคได้เตรียมชื่อของนายกฯสำรองไว้แล้ว ซึ่งทางพรรคจะเรียกประชุมด่วน เพื่อหารือในเรื่องดังกล่าว รวมถึงการเสนอชื่อนายกฯคนใหม่ คาดว่าวัน10 ก.ย.นี้ จะนำเสนอเป็นวาระด่วนเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้
จัดทำโดย : Fastnews

วันเสาร์, กันยายน 06, 2551

ส.ว.กว่า100เสนอ'สมัคร'แก้ไม่ได้ ยุบสภา


ส.ว.กว่า 100 คน ซึ่งมีส.ว.ทั้งเลือกตั้งและส.ว.สรรหา นำโดย พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ได้เสนอทางออก 3 ข้อให้กับรัฐบาลถึงกรณีเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า เชื่อวันนี้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นในสังคมจนก่อให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งวันนี้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกว่า 100 คนแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อและยาวนานก็จะยิ่งทำให้เยียวยายากขึ้น ดังนั้น ส.ว.ส่วนใหญ่จึงได้หารือถึงสถานการณ์ดังกล่าวและปรารถนาให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทราบจุดยืน ดังนั้น พวกเราจึงขอเรียกร้อง 3 ข้อ คือ

1.ขอให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลเร่งรัดแก้วิกฤตการณ์ทางการเมืองด้วยสันติวิธี ด้วยการเข้าไปเจรจากับทุกฝ่ายเพื่อให้ยุติปัญหาที่เกิดขึ้น โดยขอให้รีบเร่งทำในระยะเวลาที่สั้นที่สุด

2.หากไม่สามารถยุติปัญหาด้วยการเจรจาได้ขอให้นายกฯเลือกใช้หนทางแก้ไขตามระบอบประชาธิปไตยคือการคืนอำนาจให้กับประชาชนและให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะไม่มีใครแพ้และชนะ

3.เมื่อนายกฯดำเนินการแล้วก็ขอให้ประชาชนทุกคนยุติการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและยุติการหยุดงานประท้วง เพื่อมาช่วยกันตรวจสอบการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมให้เกิดความโปร่งใส

ซึ่ง ส.ว.ก็จะร่วมมือกับประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ ขอยืนยันว่าการออกมาเรียกร้องครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง หรือต้องการกดดันกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ตระหนักถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองที่จะได้รับผลกระทบที่จะตามมาและเราก็ไม่ได้ฝักฝ่ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ต้องการให้บ้านเมืองพัฒนาไปได้

เมื่อถามว่าจะมีการล่ารายชื่อส.ว.เพื่อเสนอไปยังรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรหรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า เราจะรับฟังความเห็น แต่เรายังไม่ได้ดำเนินการอะไรอย่างเป็นทางการ ซึ่งข้อเสนอของเราไม่ได้คาดหวังว่านายกฯ หรือกลุ่มพันธมิตรจะต้องฟัง แต่ทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นฐานของความหวังดี ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มพันธมิตรและรัฐบาลเองก็มีความหวังดีต่อประเทศชาติเช่นเดียวกัน เพียงแต่ยังหาจุดที่ตรงกันไม่ได้

ดังนั้นไม่ควรยึดติดอดีตหรือมองว่าใครถูกใครผิด ไม่เช่นนั้นเราก็หาทางออกไม่ได้ และเชื่อว่านายสมัครก็คิดไม่ต่างกับพวกตน แต่คงต้องรอเวลาที่ดำเนินการ

ทั้งนี้ หากแก้ไขปัญหาช้าก็ยิ่งจะเกิดปัญหามากกว่านี้ เพราะเราเป็นห่วงว่าจะมีคนมาสร้างสถานการณ์ เช่นขณะนี้ก็มีหลายมือที่เข้ามาก่อนเหตุ อย่างกรณียิง นักศึกษารามฯ ซึ่งในหลายประเทศนายกฯ เลือกที่จะลาออกเพราะเขาทำงานไม่ได้ และเขาก็ไม่ได้ผูกมัดว่าคนที่เลือกเขาเข้ามาจะมากหรือน้อย แต่เมื่อทำงานไม่ได้เขาก็พิจารณาลาออก เพราะในฐานะผู้นำประเทศหากทำงานไม่ได้ก็ควรที่จะเสียสละ


จัดทำโดย FastNews
แหล่งที่มา :http://www.rssthai.com

เลขที่111เปิดเกมสู้พันธมิตร ทำจรยุทธ์ชนบทล้อมเมือง


นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หนึ่งในสมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวว่า ทางออกของวิกฤติ คือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปชุมนุมที่อื่นโดยสงบ และให้รัฐบาลกลับเข้าไปทำงาน เมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิด แม้ว่าพรรคพลังประชาชนจะถูกยุบ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังคงชุมนุมต่อ เพื่อไม่ให้พรรคการเมืองอื่น รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล



"มีการยื่นเงื่อนไขเลยเถิด ใช้การเมืองใหม่ 70 : 30 ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะยุบสภา หรือลาออก ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ปัญหาขณะนี้จะนำสู่ความแตกแยกรุนแรงไม่รู้จบสิ้น จากคนที่เป็นเด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ไม่แน่ว่าจะแก้ปัญหาได้ ถือเป็นความล้าหลังที่สุดของสังคม แต่แกนนำที่นำสู่ความล้าหลัง กลับได้รับการยกยกให้เป็นปัญญาชน" นายจาตุรนต์ กล่าว



นายจาตุรนต์ กล่าวต่อกรณีรัฐบาลเตรียมทำประชามติ ว่ายังไม่ใช่ทางออกโดยตรง การที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่าให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีลาออก จึงจะยอมเจรจา ไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา เพราะจะเป็นการยอมรับการบังคับขู่เข็ญของผู้ทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน จะต้องให้กำลังใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ในการแก้ไขปัญหาตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน



"ถ้าผู้บัญชาการทหารบกพยายามอย่างจริงจังมากกว่านี้ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ บทบาทครั้งนี้จะถือเป็นการทดสอบครั้งสำคัญของกองทัพไทยที่จะเข้าร่วมแก้ปัญหาโดยไม่ยึดอำนาจ และผมไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะถือเป็นแนวทางที่ให้ทหารเข้าช่วยแก้ปัญหา ทหารจะอ้างไม่ได้ว่าไม่มีบทบาทร่วมแก้ปัญหา จึงทำให้เกิดการปฏิวัติ" นายจาตุรนต์ กล่าว



ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุดรธานี คงจะมีคนที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีไปให้กำลังใจประมาณ 40,000-50,000 คน

จัดทำโดย FastNews


แหล่งที่มา :http://www.rssthai.com

สมัครประกาศสู้ต่อ ไม่ลาออก

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นธรรมดาแท้ๆ จากเรื่องรัฐธรรมนูญ มาถึงเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร มาตรา 63 ต้องอดทนมาถึง 90วัน เป่านกหวีด ไม่อยากให้เกิดการปะทะ พันธมิตร ยึด เอ็นบีที กระทรวงการคลัง จนยึดทำเนียบรัฐบาล แล้วประกาศชัยชนะ ใส่เสื้อสีเหลือเหมือนสถาบันจะถูกทำลาย คนอื่นไม่จงรักภักดีหรือ เอาเรื่องนี้มาตั้งแล้วกล่าวหารัฐบาลว่าทุจริต กลุ่มนี้ทำให้เกิดการปฏิวัติมาแล้ว แล้วมาเลือกตั้ง 236 ธันวาคม 2550 ได้ประชาธิปไตยกลับคืน ทำงานมาได้ 7 เดือน "นายสมัคร กล่าวว่า การชุมนุมต้องการทำให้นุ่มนวล ไปขอบังคับคดี แล้วเกิดการปะทะกัน สุดท้ายผมต้องกลายเป็นเหยื่อ แล้วบอกว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรง จริงๆแล้วรัฐบาลสั่งถอย แล้วเป็นข่าวแพร่กระจายกัน การที่ม็อบปะทะกัน ก็มีการสั่งสอบสวน ในที่สุดก็ต้องสั่งทหารออกมาช่วย นั่งประชุม ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน มีการป้องกัน คนที่เดือดร้อนต่อไป ก็เป็นคณะทหาร ศาลก็เอาไม่อยู่ รัฐบาลเป็นประชาธิปไตย ไม่มีใครชี้หน้าให้ออก สภาก็เอาไม่อยู่"จนทหารต้องออกมาจัดการ ทหารบอกว่ากำแพงต้องมีประตู ศาลก็โดน สภาก็โดน ทหารก็โดน"นายสมัคร กล่าวว่าประกาศ พรก.ฉุกเฉิน คนยังมีการทำงานปรกติ มาวันนี้ขอขอบคุณทุกส่วนที่ทำน้าที่ แล้วข่าวก้ออกกระจาย สถานการณ์เป็นสงครามข่าว ผู้คนไม่สามารถรองรับได้เลยไปยึดทำเนียบ ทำไมไม่รักษารัฐธรรมนูญ ผมได้ทำอะไรผิด บ้านเมืองที่ไม่ได้มีกฏหมายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน นักศึกษาธรรมศาสตร์ ที่มาร่วมบนเวทีก็สนุกกันใหญ่ แต่มีการเรียกร้องให้นายกฯลาออก แล้วบ้านเมืองเป็นอย่างไร " วันก่อนไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วข่าวแพร่ว่าผมลาออก และเมื่อเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศ ลาออกวันนี้ข่าวแพร่ว่าผมลาออก มีการคิดกันไปเอง ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่บ้านเมืองมีกกกติกา คนทั้งโลกเขาดูแลอยู่ "ถ้าผมลาออกประเทศชาติจะเป็นอย้างไร จะใช้ระบบแต่งตั้ง 70 เลือกตั้ง 30 แล้วจุดจบของประเทศจะเป็นอย่างไร ทำไม่รัฐบาลหนึ่งเข้ามาไม่ชอบ บ้านเมืองไม่ได้ผิดกั้นผิดตอน "ผมไม่ปราบไม่ปราม ต้องยอมขมขื่น ผมอยู่ข้างนอกบริหารงานได้ แต่อายไปทั่วโลก"




จัดทำโดย FastNews


แหล่งที่มา http://news.thaihealth.ne

วันอังคาร, กันยายน 02, 2551

สมัคร ย้ำ ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อดับชนวน ย้ำ ไม่ประกาศเคอร์ฟิวแน่!!!

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 9.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ผมได้สัญญาไว้แล้วว่าจะอดทนรอเรื่องนี้ เหตุที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ก็ช้ำใจพอแล้ว แต่ยังเกิดเหตุปะทะเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เป็นเหตุที่ตนไม่คาดคิดไว้ เมื่อได้รับรายงานก็ออกมา ก็ยังไม่ทันได้นอน ขอยืนยันว่าเรื่องนี้จะมีการสอบสวนอย่างถี่ถ้วน

"ผมเลือกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ซึ่งเป็นวิธีการเบาที่สุด และเป็นการทำตามกฎหมาย โดยให้ตำรวจและทหารสามารถแก้ไขปัญหาได้ เราทำเพื่อแก้ไขปัญหาเพื่อบ้านเมือง ใครจะมีปัญหาอย่างไรผมไม่สน ผมได้แต่วิงวอนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง อย่าเอาเรื่องความชิงชังในตัวผมมาเกี่ยว ผมจะเก็บความขมขื่นไว้ในใจของผม" นายสมัคร กล่าว

นายสมัคร กล่าวว่า ผู้ที่สร้างปัญหาให้กับประเทศกลับไม่มีใครออกมาต่อว่า แต่ตนกลับถูกต่อว่า ทั้งนี้ นักการเมืองพยายามแก้ไขปัญหามาตลอด แต่ตนยังสามารถอดทนได้ และได้ตัดสินประกาศอย่างรอบคอบ โดยได้ประชุมหารือนาน 2 ชั่วโมง ได้ดูข้อกฎหมายและเอกสารอย่างรอบคอบ เพื่อเพื่อดับชนวนในเรียบร้อย บ้านเมืองจะได้สงบเหมือนเดิม ทั้งนี้ การเลือกใช้กฎหมายแต่ละข้อ จะยังทำให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขตามเดิม ขอย้ำว่าจะเป็นการทำในระยะเวลาที่เร็วพอสมควร จึงขอให้ประชาชนอดทน

นายสมัคร กล่าวถึงกรณีที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า ขอให้รอไม่กี่วัน จากนั้นคอยกลับมาหาเสียงเหมือนเดิม โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะช่วยดูแลเรื่องนี้

"ผมขอความเห็นใจว่า ผมมีหน้าที่ต้องรักษาความสงบ ผมอยากวิงวอนให้ประชาชนร่วมมือด้วย เชื่อว่าการปลุกระดมสร้างความปั่นป่วน คงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดนี้ ผมคิดว่าบ้านเมืองของเรา หากอยู่กันด้วยเหตุผล ก็คงสามารถอยู่ได้ ปัจจุบันพวกชอบวิจารณ์ไม่แตะคนที่สร้างความยุ่งยาก แต่กลับมาว่าคนพยายามแก้ไขปัญหา ส่วนกรณีสหภาพฯ 43 สหภาพฯ อยากถามว่า จะอะไรกันนักหนา มันเลวทรามอย่างไร ท่านคิดไหมว่า บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ใครจะมาทำหน้าที่แทน ใครจะมาเป็นรัฐบาล เรื่องมันจะไม่จบ ลาออกก็ไม่จบ เลือกตั้งใหม่ก็ไม่จบ" นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าว่า คิดว่าจะใช้กฎหมายต่อสู้ แต่ปรากฎว่าไม่เป็นลักษณะนั้น จึงต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินออกมา
เมื่อถามว่าจะมีการประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ประกาศเคอร์ฟิวแน่นอน

เมื่อถามว่าจะใช้เวลากี่วันในการประกาศภาวะฉุกเฉิน นายสมัคร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกำหนดแล้วแต่กรรมการเป็นคนดูแล รวมทั้งสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย

เมื่อถามว่าการเสนอข่าว นายสมัคร กล่าวว่า แล้วแต่วิจารณญาณของสื่อในการเสนอข่าว

เมื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นนายกจะรับผิดชอบหรือไม่หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน นายสมัคร กล่าวว่า "เป็นความรับผิดชอบของผมอยู่แล้ว ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ยืนยันว่ารับผิดชอบในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ" เมื่อถามว่า รัฐบาลอยู่เบื้องหลัง นปก.หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า จะไปอยู่ได้ยังไง แล้วที่ยึดทำเนียบใครอยู่เบื้องหลังไม่เห็นสื่ออยากรู้ ทำไมเกิดเหตุเมื่อคืนอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง

เมื่อถามว่าในฐานะ รมว.กลาโหมจะมีการสั่งการอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า แม่ทัพจะรบเองต้องมีคนดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนไม่ต้องลงมือเอง


แหล่งที่มา http://www.thaihealth.net

จัดทำโดย FastNews